ต่อเติมบ้านและห้องออกกำลังกายในบ้าน ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า กับ Master Home

ต่อเติมบ้านและห้องออกกำลังกายในบ้าน ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า กับ Master Home

การต่อเติมบ้านและห้องออกกำลังกายส่วนตัวที่บ้านถือว่าตอบโจทย์สมาชิกในครอบครัว ทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลาเดินทางไปฟิตเนส หรือลูก ๆ ที่สะดวกออกกำลังกายที่บ้าน ยิ่งในช่วงที่อากาศไม่ดีหรือมีฝุ่น PM 2.5 จำนวนมาก ยิ่งทำให้การออกไปข้างนอกเป็นเรื่องที่ต้องคิดแล้วคิดอีก

ปัจจุบันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกกี่หลายครอบครัวเลือกต่อเติมบ้านเพื่อสร้างห้องออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นลานคาร์ดิโอ การฝึกโยคะ หรือพื้นที่เวทเทรนนิ่ง ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยให้สมาชิกในบ้านสามารถออกกำลังกายได้อย่างสะดวกและปลอดภัย MASTER HOME พามาดูแนวทางในการต่อเติมบ้านเพื่อสร้างห้องออกกำลังกายให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมแนวคิดที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

สารบัญเนื้อหา
ต่อเติมบ้านและห้องออกกำลังกายในบ้าน ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า กับ Master Home

ข้อดีของการมีห้องออกกำลังกายในบ้าน จากมุมมอง MASTER HOME

  1. ออกกำลังกายได้ทุกเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
    หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของการมีห้องออกกำลังกายที่บ้าน คือคุณสามารถออกกำลังกายได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปฟิตเนส
  2. ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
    แม้ว่าการต่อเติมบ้านเพื่อสร้างห้องฟิตเนสอาจมีค่าใช้จ่ายในช่วงแรก แต่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าสมาชิกฟิตเนส ค่าเดินทาง และค่าอุปกรณ์ที่ต้องเช่าหรือใช้ร่วมกับผู้อื่น
  3. ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการ
    สามารถออกแบบห้องออกกำลังกายให้เหมาะสมกับรูปแบบการออกกำลังกายที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ พิลาทิส เวทเทรนนิ่ง หรือคาร์ดิโอ
  4. สุขภาพดีขึ้นทั้งครอบครัว
    ห้องฟิตเนสที่บ้านช่วยให้สมาชิกทุกคนในบ้านมีโอกาสออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง

MASTER HOME แชร์เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนต่อเติมบ้านให้เป็นห้องออกกำลังกาย

  1. พื้นที่ต้องเหมาะสม
    ก่อนต่อเติมบ้าน ควรคำนึงถึงพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวและวางอุปกรณ์ออกกำลังกาย
  2. ระบบระบายอากาศและแสงสว่าง
    ควรออกแบบให้มีช่องระบายอากาศที่ดี หรืออาจติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพื่อให้ห้องออกกำลังกายมีอากาศที่บริสุทธิ์
  3. พื้นรองรับแรงกระแทก
    เลือกใช้พื้นยางหรือพื้นโฟมเพื่อลดแรงกระแทกและเสียงรบกวน

การจัดวางอุปกรณ์อย่างปลอดภัย
อุปกรณ์ต่าง ๆ ควรจัดวางให้เหมาะสมเพื่อความสะดวกและปลอดภัย

ขั้นตอนการวางแผนต่อเติมบ้านให้เป็นห้องออกกำลังกาย

1. เลือกพื้นที่ให้เหมาะสม

ห้องออกกำลังกายที่ดีควรเป็นพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีขนาดเพียงพอสำหรับการใช้งานของอุปกรณ์ เช่น พิลาทิส MASTER HOME แนะนำให้เลือกพื้นที่ที่เงียบสงบและไม่รบกวนผู้อยู่อาศัยคนอื่น เช่น ห้องเก็บของที่ไม่ได้ใช้งาน ห้องว่าง หรือมุมหนึ่งของบ้านที่สามารถปรับแต่งให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายโดยเฉพาะ

2.การเลือกวัสดุสำหรับพื้นและผนังห้อง

วัสดุที่ใช้ปูพื้นควรมีคุณสมบัติรองรับแรงกระแทก ลดเสียงรบกวน และช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ MASTER HOME แนะนำให้ใช้พื้นยางหรือพื้นโฟมที่มีความหนาแน่นสูง เพราะสามารถช่วยรองรับแรงกระแทกจากการออกกำลังกาย เช่น กระโดดเชือก หรือเล่นเวทเทรนนิ่ง

นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับผนังห้อง หากต้องการลดเสียงรบกวนจากเครื่องออกกำลังกาย ควรเลือกใช้วัสดุซับเสียงเพื่อลดการสะท้อนของเสียง เช่น แผ่นซับเสียงหรือแผ่นบุผนังที่ช่วยลดเสียงรบกวน

3.ออกแบบมุมหนึ่งให้เป็นกระจก สะท้อนมุมมองที่ชัดเจนเพื่อการออกกำลังกายที่ถูกต้อง

การติดตั้งกระจกบานใหญ่ในห้องออกกำลังกายมีข้อดีหลายอย่าง MASTER HOME แนะนำให้ใช้กระจกเงาบานใหญ่เพื่อตรวจสอบท่าทางขณะออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายที่ผิดท่า นอกจากนี้ กระจกยังช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้นและเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ได้อีกด้วย

4ระบบระบายอากาศและแสงสว่าง

ห้องออกกำลังกายต้องการระบบระบายอากาศที่ดี มีอากาศถ่ายเทดีหรือไม่ เพื่อให้สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือร้อนจนเกินไป MASTER HOME แนะนำให้ติดตั้งพัดลมหรือเครื่องระบายอากาศ เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น หากเป็นไปได้ ควรเลือกห้องที่มีหน้าต่างเพื่อเลือกรับอากาศธรรมชาติ หรือเลือกเปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงฤดูร้อน

นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับแสงสว่าง ควรใช้ไฟ LED ที่ให้แสงสว่างเพียงพอและช่วยสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้อยากออกกำลังกาย การใช้แสงธรรมชาติร่วมกับแสงไฟในห้องจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า

5.จัดสรรพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ออกกำลังกาย

การจัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายให้เป็นระเบียบช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น MASTER HOME แนะนำให้วางลู่วิ่งไว้ในมุมห้อง หรือจัดวางดัมเบลและอุปกรณ์อื่น ๆ ใกล้กำแพงเพื่อประหยัดพื้นที่ การออกแบบให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทโยคะหรือบอดี้เวทที่ต้องใช้พื้นที่กว้างขวาง

6.พื้นที่จัดอุปกรณ์หลังออกกำลังกาย

การมีพื้นที่เก็บอุปกรณ์เป็นระเบียบช่วยให้ห้องออกกำลังกายดูเรียบร้อยและสะดวกต่อการใช้งาน MASTER HOME แนะนำให้เพิ่มตู้เก็บของหรือชั้นวางอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถจัดเก็บดัมเบล เสื่อโยคะ หรือขวดน้ำได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้คุณหยิบใช้อุปกรณ์ได้สะดวกและง่ายขึ้น

7.ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความสะดวก

อุปกรณ์เสริมสามารถช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสนุกขึ้น MASTER HOME แนะนำให้ติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น

  • พัดลมติดผนัง ช่วยระบายอากาศ
  • ลำโพงบลูทูธ เพื่อเปิดเพลงหรือคลิปออกกำลังกาย
  • โทรทัศน์หรือจอแสดงผล สำหรับเปิดคลิปการออกกำลังกาย

การมีสิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและเพิ่มแรงจูงใจให้สมาชิกในครอบครัวอยากออกกำลังกายมากขึ้น

วิธีให้สมาชิกช่วยกันดูแลห้องฟิตเนสที่ใช้ร่วมกัน

  1. กำหนดกฎการใช้งานร่วมกัน
    ควรตั้งกฎเพื่อให้ทุกคนใช้งานห้องออกกำลังกายอย่างเป็นระเบียบ เช่น การทำความสะอาดอุปกรณ์หลังใช้งาน
  2. ทำความสะอาดอุปกรณ์หรือเครื่องออกกำลังกายเป็นประจำ
    การเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์หลังใช้งานจะช่วยป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
  3. ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นประจำ
    ควรตรวจเช็คเครื่องออกกำลังกายอยู่เสมอเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

ต่อเติมบ้าน เพื่อสร้างห้องออกกำลังกายเป็นทางเลือกที่ช่วยให้สมาชิกในบ้านมีสุขภาพที่ดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และสามารถออกแบบให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคนได้ MASTER HOME พร้อมช่วยให้คุณวางแผนต่อเติมบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากคุณกำลังมองหาแนวทางในการสร้างห้องฟิตเนสที่บ้าน ลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการมีห้องออกกำลังกายที่บ้านเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากว่าที่คิด

บริษัท มาสเตอร์ โฮม (เอ็มเอช) จํากัด
MASTER HOME (MH) CO., LTD.

ที่ตั้ง : 88/8 โครงการสําเพ็ง 2 ถนนกัลปพฤกษ์
แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160

โทร. : 098-389-5888

อีเมล์ : masterhomethailand@gmail.com