ต่อเติมบ้านให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ สไตล์ Harmony with Nature

ในปัจจุบัน การมีบ้านที่สวยงามและน่าอยู่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความเครียดจากการทำงานหรือการเรียน ส่งผลให้เจ้าของบ้านหลาย ๆ คนต้องการพื้นที่ที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายและเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้มากขึ้น ต่อเติมบ้าน ให้มีบรรยากาศที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าสไตล์ Harmony with Nature จึงเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน การออกแบบบ้านในลักษณะนี้จะเน้นไปที่การผสมผสานโครงสร้างอาคารเข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับแสงธรรมชาติ การใช้วัสดุจากธรรมชาติ หรือการจัดสวนให้กลมกลืนกับพื้นที่อยู่อาศัย

สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดีย ต่อเติมบ้าน ให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ MASTER HOME มีแนวคิดที่น่าสนใจที่จะช่วยให้บ้านของคุณกลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขและการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ

สารบัญเนื้อหา

ความสำคัญของการต่อเติมบ้านสไตล์ Harmony with Nature

  1. สร้างความผ่อนคลายและลดความเครียด
    บ้านที่เปิดรับธรรมชาติสามารถช่วยลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีพื้นที่สีเขียวในบ้านหรือมุมพักผ่อนที่มองเห็นต้นไม้ ดอกไม้ หรือสามารถนั่งรับลมได้ระหว่างวัน สามารถช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสงบและผ่อนคลายจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
  2. ช่วยให้บ้านมีสภาพอากาศที่ดีขึ้น
    การออกแบบ ต่อเติมบ้าน ให้มีช่องรับลมธรรมชาติ และทิศทางการรับแสงแดดที่เพียงพอ จะช่วยลดความร้อนภายในบ้าน ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศ และทำให้บ้านเย็นสบายตลอดทั้งวัน เช่น การต่อเติมพื้นที่ซักล้างไว้ฝั่งทิศใต้ ที่ได้รับทั้งแดดและลมมากกว่าทิศอื่น ๆ ประกอบกับการออกแบบหลังคาโปร่งแสง หรือผนังช่องลม เพื่อให้ผ้าแห้งไวจากแดดและลมเข้าถึงได้มากขึ้น
  3. เพิ่มคุณค่าของบ้านและพื้นที่ใช้สอย
    การต่อเติมที่ออกแบบมาเพื่อให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ทำให้บ้านดูสวยงามและน่าอยู่มากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านได้ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้วัสดุที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ไอเดียการต่อเติมบ้านให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ

Baan Meesook | Kanchanaburi, Thailand

Baan Meesook ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย เป็นตัวอย่างบ้านตามแนวคิด Harmony with Nature โดยเน้นการออกแบบที่ผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมธรรมชาติได้อย่างลงตัว ผ่านการใช้โครงสร้างที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ลม และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัย

1.1.การแบ่งโซนรับแสงและทึบแสง เพื่อการใช้งานพื้นที่ที่สมดุล

หนึ่งในจุดเด่นของบ้านหลังนี้ คือ การจัดสรรพื้นที่ด้วยการออกแบบหลังคาที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการรับแสงธรรมชาติและการสร้างร่มเงา

  • พื้นที่รับแสงธรรมชาติ: มีการใช้ หลังคาโปร่งแสงบางส่วน ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องการความสว่าง เช่น โถงทางเดินหรือโซนนั่งเล่น

1.2.การเชื่อมต่อพื้นที่ในบ้านกับธรรมชาติ

บ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่กึ่งกลางที่เป็นลานโล่งและเชื่อมต่อกับสวนรอบ ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เห็นต้นไม้ สนามหญ้า และสัมผัสสายลมได้ตลอดเวลา

  • สนามหญ้า ช่วยสร้างบรรยากาศธรรมชาติและลดการสะสมความร้อนของพื้น
  • กระจกบานใหญ่ เปิดมุมมองให้เห็นสวนและเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ
  • ปลูกต้นไม้รอบบริเวณบ้าน ช่วยกรองแสงแดด และเพิ่มความร่มรื่น

1.3.การใช้วัสดุจากธรรมชาติและโครงสร้างที่เหมาะสม

Baan Meesook เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น เหล็ก และปูนเปลือย ซึ่งนอกจากจะให้ความสวยงามแบบเรียบง่ายแล้ว ยังช่วยให้บ้านกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม

  • โครงสร้างเหล็กสีเข้ม ให้ความรู้สึกแข็งแรงและคงทน

ปูนเปลือยและหินธรรมชาติ เสริมความดิบ เท่ และให้ความรู้สึกเย็นสบาย

House in Binh Duong, Vietnam

MASTER HOME แชร์อีกหนึ่งตัวอย่างการออกแบบบ้าน House in Binh Duong เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการ ต่อเติมบ้าน ที่มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงบ้านกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน โดยตั้งอยู่ในจังหวัดบินห์เซือง ประเทศเวียดนาม บ้านหลังนี้ถูกออกแบบและต่อเติมโดยเน้นให้พื้นที่ภายในและภายนอกเชื่อมต่อกัน พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่พักผ่อนที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

2.1.การใช้หลังคาและกันสาดในหลายมุม เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของบ้านหลังนี้ คือ ต่อเติมบ้าน ให้มีหลังคาและกันสาดในหลายจุด เพื่อให้บ้านรองรับการใช้งานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อนหรือโซนใช้งานอื่น ๆ

  • หลังคาโปร่งแสง ที่ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในบ้านได้อย่างเหมาะสม ทำให้บรรยากาศภายในดูปลอดโปร่ง ไม่อับทึบ
  • กันสาดเหล็กและกระจก เพิ่มร่มเงาให้พื้นที่ใช้งานกลางแจ้ง ช่วยลดความร้อนและเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน

2.2.เชื่อมต่อพื้นที่ในบ้านกับธรรมชาติผ่านการจัดสวนและพื้นที่โล่ง

House in Binh Duong ให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่ให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยใช้สวนกลางบ้านและทางเดินธรรมชาติ เป็นตัวเชื่อมระหว่างพื้นที่ในร่มและกลางแจ้ง

  • มีสวนเล็ก ๆ รอบบ้าน ปลูกต้นไม้ และไม้เลื้อยเพื่อสร้างร่มเงาและเพิ่มความสดชื่น
  • ใช้พื้นทางเดินจากหินและอิฐ ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ และยังช่วยลดการสะสมความร้อนในช่วงกลางวัน
  • เปิดช่องลมและแสงภายในบ้าน ทำให้ภายในมีอากาศหมุนเวียนและลดการใช้ไฟฟ้า

2.3.การใช้วัสดุธรรมชาติและการออกแบบที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม

อีกหนึ่งจุดเด่นของบ้านหลังนี้คือ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน เช่น อิฐดินเผา ไม้ และปูนเปลือย ซึ่งให้ทั้งความรู้สึกอบอุ่นและกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว

  • ผนังอิฐเปลือย ช่วยลดการใช้สีและสารเคมีในการก่อสร้าง ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • โครงสร้างไม้และเหล็ก ให้ความคงทน และช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้บ้านมีสไตล์เฉพาะตัว
  • หลังคาแบบโปร่งบางส่วน เพิ่มการรับแสงธรรมชาติ ทำให้บ้านดูสว่างและโล่งสบายมากขึ้น

ต่อเติมบ้าน ให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยสร้างความผ่อนคลาย ลดความเครียด ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้าน และเพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เปิดรับแสงธรรมชาติ การใช้หลังคาโปร่งแสง การจัดพื้นที่สวนเชื่อมต่อกับบริเวณภายในบ้าน หรือการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ล้วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้ดี 

สำหรับผู้ที่สนใจการ ต่อเติมบ้าน MASTER HOME พร้อมดูแลการต่อเติมบ้านครบวงจร ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการออกแบบที่ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดทุกเคส

บริษัท มาสเตอร์ โฮม (เอ็มเอช) จํากัด
MASTER HOME (MH) CO., LTD.

ที่ตั้ง : 88/8 โครงการสําเพ็ง 2 ถนนกัลปพฤกษ์
แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160

โทร. : 098-389-5888

อีเมล์ : masterhomethailand@gmail.com